ไม่ใช้วัตถุกันเสีย

 
     
 

No artificial colours and no preservatives

 
 

 

นะวัตกรรมใหม่สำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดน้ำ

 

เป็นความลงตัวของสมุนไพร 3 ชนิด คือ

 
  1. โสมเกาหลี  Panax ginseng  
 

2. กระชายดำ  Kaempferia parviflora

 
 

3. ผลมะเม่า    Antidesma bunius

 
 

ชาติอร่อยดื่มได้ทุกวัน  ไม่มีแอลกอฮอล์

สำหรับคนรักสุขภาพ

 

 

บรรจุ 750 มล./ml

 

ราคา 1,700  บาท

ลด 25% คงเหลือ 1,275 บาท

รรพคุณโบราณ

 
 

     โสม นตำรายาจีนกล่าวถึงสรรพคุณของโสมว่า เป็นยาบำรุงกำลัง ยากระตุ้น ยาเร่งกำหนัด รักษาอาการ ทางประสาท อ่อนเพลีย ไม่มีแรง อาหารไม่ย่อย หัวใจเต้นแรงผิดปกติ โรคหอบหืด โรคความจำเสื่อม ปวดศีรษะ ชัก และมะเร็ง และเชื่อกันว่าโสม เพิ่มความต้านทานต่อโรค ทำให้ฟื้นไข้เร็ว

 
 
 

     กระชายดำ  บำรุงกำลัง บำรุงกำหนัด แก้กามตายด้าน ทำให้กระชุ่มกระชวย  กระตุ้นระบบประสาท แก้ปวดเมื่อย ขับปัสสาวะ ขับลม รักษาสมดุลความดันโลหิต ขยายหลอดเลือดหัวใจ โรคเก๊าต์ โรคกระเพาะอาหาร รักษาระบบการย่อยอาหารให้เกิดสมดุลย์ โรคบิด โรคเบาหวาน ลดน้ำตาลในเลือด โรคหัวใจ สำหรับสุภาพสตรีทานแล้ว จะช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนทางเพศ ทำให้โลหิตไหลเวียนดีขึ้น ผิวพรรณผุดผ่องสดใส แก้อาการตกขาว ประจำเดือนมาไม่ปกติ

 
 
 

     ผลมะเม่า  ป็นยาอายุวัฒนะ เป็นยาระบายและช่วยบำรุงสายตาได้ดีอีกด้วย นอกจากนั้นคนที่ต้องการลดน้ำหนักก็นิยมดื่มเพราะว่ามีสรรพคุณช่วยลดไขมันในเส้นเลือดและเป็นเหมือนยาระบายอ่อนๆ ทำให้ท้องไม่ผูกและช่วยลดน้ำหนักได้ดีมาก   แก้มดลูกพิการ แก้ตกขาว แก้มดลูกอักเสบช้ำบวม ขับโลหิตและน้ำคาวปลา แก้เส้นเอ็นพิการ แก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย

 
 

ข้มูลทางวิทยาศาสตร์

     
 

โส
 
 

      โสม  เป็นรากของพืชทำให้แห้งอยู่ในตระกูล Araliaceae แบ่งคร่าวๆว่าเป็นโสมที่มีแหล่งกำเนิดจากเอเชียเรียก Asian ginseng ( Panax ginseng C.A., Meyer)ได้โสมจากประเทศ จีน เกาหลี โสมจากประเทศอเมริกา American ginseng ( Panax quinquefolius L. ) ให้ผลการรักษาน้อยกว่าจากเอเซีย อีกชนิดหนึ่งคือ Siberian ginseng ส่วนประกอบจะไม่เหมือนสองชนิดแรก ให้ผลการรักษาอ่อนสุด

      โสมเป็นสมุนไพรซึ่งนิยมใช้ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันโดยประเทศทางตะวันออกเชื่อว่าเป็นยาครอบจักรวาลช่วยเพิ่มพลัง โสมนี้ยังมีชื่อเรียกหลายอย่าง เช่น โสมจีน โสมญี่ปุ่น โสมเกาหลี โสมอเมริกา ผักกะโสม โสมไทย โสมดอกแดง และโสมที่นิยมใช้กันมาพันปี คือ โสมเกาหลี หรือโสมอเมริกา ซึ่งเชื่อว่ามีสรรพคุณทางยาอย่างแท้จริง            

โสมมีสารประกอบสำคัญทางยามากกว่า 200 ชนิดประกอบด้วยกลุ่มสำคัญๆดังนี้

 

5.) กลุ่มสารอื่นๆ เช่นวิตามิน เกลือแร่ น้ำมันหอมระเหย กรดไขมันเป็นต้น

 

1.) กลุ่มสารปรับสภาพ (Ginsenoside Rg1,Rb1,Ro)เป็นกลุ่มที่มีคุณประโยชน์สูงสุด Rg1,Rb1จะส่งเสริมการ

 
 

ทำงานซึ่งกันและกัน เหมือนหยินและหยางในยา

 

2.) กลุ่มสารสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และกล้ามเนื้อ

 

3.) กลุ่มสารที่ช่วยขจัดไขมันที่ไม่ดีต่อร่างกาย (Panaxans)

 

4.) กลุ่มสารต่อต้านปฏิกิริยาการก่อมะเร็ง (Antioxidants)

สารสกัดจากโสมมีผลต่อการทำงานของร่างกาย


        1.
ระบบมีภูมิคุ้มกันโรค สารสกัดจากโสมช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงขึ้น โดยเสริมการสร้างแอนตี้บอดี้และช่วยกระตุ้นเซลล์ของร่างกายให้มีการสร้างภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันไป เสริมการสร้างกล้ามเนื้อ เพิ่มความต้านทานให้อวัยวะที่ยังไม่เป็นโรค และเป็นยาอายุวัฒนะ ชลอความแก่


        2.
ระบบหัวใจและหลอดเลือด สารสกัดจากโสมส่งผลให้หัวใจแข็งแรง ควบคุมการเต้นของหัวใจและควบคุมความดันเลือด ช่วยเพิ่มฮีโมโกบินให้สูงขึ้น ช่วยละลายลิ่มเลือด ลดคอลเรสเตอรอล ช่วยขยายหลอดเลือด ป้องกันเส้นเลือดอุดตัน อันเป็นสาเหตุ ของโรคความดันโลหิตและโรคหัวใจ ช่วยลดปริมาณแอลกอฮอร์ในเลือด โสมช่วยผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบหมุนเวียนเลือด วิงเวียนศีรษะ หน้ามืด มือและเท้าเย็นเป็นต้น


       3.
ระบบเผาผลาญอาหาร สารสกัดโสมช่วยสร้างระบบความสมดุลพลังในร่างกาย การดึงพลังงานสำรองมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยระบบการย่อยอาหารในกระเพาะควบคุมการหลั่งกรดในกระเพาะ มีผลต่อระบบการเคลื่อนไหวที่ดี มีความกระตือรือร้น และมีความอดกลั้นที่มากขึ้น


       4.
ระบบสมองและความจำ สารสกัดโสม Gisenoside มีผลต่อระบบศูนย์กลางควบคุมความสามารถทั้งหมดโดยเฉพาะในสมองส่วนของ Hypothalamus เป็นที่ควบคุมการหลั่งของฮอร์โมนที่สำคัญ เช่น Growth Hormone, Estrogen Hormone ในเพศหญิงเป็นต้นและควบคุมระบบประสาทของร่างกาย การกระตุ้นการทำงานของสมองส่งผลต่อการพัฒนาความสามารถในด้านการรับรู้และความจำ รวมทั้งการผ่อนคลายของระบบเส้นประสาทที่ดีขึ้น ช่วยระงับและลดความเครียดในสมอง


       
โสม ช่วยผู้ป่วยโรคเบาหวานในเรื่องการควบคอลเรสเตอรอลและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้...


      
 โสม ช่วยบำรุงร่างกาย และเสริมการต่อต้านโรคภัยให้ดีขึ้น โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคมเร็ง จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรง ในช่วงที่ให้การบำบัด ด้วยเคมีบำบัด และช่วงพักฟื้น ..
 

        โสม  มีผลต่อผู้ที่มีปัญหาเรื่องการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศและการสืบพันธุ์ สารสกัดโสมช่วยเสริมการสร้างตัวอสุจิในท่านชาย และสร้างความแข็งแรงของอวัยวะสืบพันธุ์
 

         โสม ยังมีส่วนช่วยปัญหาของวัยหมดประจำเดือน ช่วยควบคุมระดับอารมณ์ และมีสารที่ช่วยให้ผิวเปร่งปรั่ง รักษาผิวหนังให้ชุมชื่น รวมทั้งช่วยป้องกันภัยจากรังสีแกรมมา ...


โสมเกาหลีกับระยะในการดูแลร่างกาย

      ระยะที่1 ขจัดสิ่งผิดปกติ ขจัดสิ่งแปลกปลอม,สารพิษตกค้าง,ธาตุที่เกินความจำเป็นต่างๆ ในร่างกาย เป็นช่วงแรกๆของการรับประทานโสม ซึ่งบางคนอาจจะมีอาการแสดงดังนี้เช่น คลื่นไส้ ร้อนใน เวียนศีรษะ มีผื่นขัน มีอาการคัน เป็นต้น ซึ่งเกิดจากการที่สารสกัดจากโสมเข้าไปทำปฏิกิริยาขจัดสารตกค้างต่างๆเหล่านั้นอาการชั่วคราวที่เกิดขึ้นในช่วงระหว่างการใช้โสม เพื่อการปรับสมดุลต่างๆนั้นเป็นอาการที่บ่งบอกถึงความเจ็บป่วยที่กำลังจะคืนสู่สภาพปกติหรือใกล้เคียง อาการนี้จะมีลักษณะที่แตกต่างกันไปซึ่งก็แล้วแต่ร่างกายของแต่ละคน บางคนก็ไม่เกิดอะไรเลย อาการเหล่านี้มักจะมีคนเข้าใจผิดว่าเป็นผลข้างเคียงหรือแพ้โสม แต่จริงแล้วไม่ใช่

 

      ระยะที่2 ปรับสภาพ ปรับสภาพเลือด ด้วยการช่วยเพิ่มการทำงานของระบบการสร้างเม็ดเลือดแดง ช่วยให้ร่างกายนำเอาออกซิเจนบริสุทธิ์ เข้าไปเซลล์ต่างๆของร่างกายได้ดีขึ้น และช่วยปรับสภาพความเป็นกรด ในระบบเลือดให้เป็นกลาง

 

      ระยะที่3 สร้างภูมิ เสริมสร้างและปรับระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยซ่อมแซมเซลล์และระบบอวัยวะต่างๆในร่างกายให้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เช่นระบบกล้ามเนื้อ ระบบกระดูก link ที่น่าสนใจไขข้อ เส้นเอ็นเป็นต้น
 

ข้อมูลอ้างอิง: หนังสือชุดอาหารเพื่อสุขภาพ โสมเกาหลี ราชันสมุนไพรแห่งโลกตะวันออก เขียนโดย สตีเฟ่น ฟลูเดอร์ M.A.,PH.D.

        

โสมบำบัดทางเพศ

[ คัดลอกจากนิตยสารใกล้หมอ ปีที่ 22 ฉบับที่ 12 ธันวาคม 2541]                                 ผศ.นพ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์

ามสุขที่แท้จริงของมนุษย์ไม่ได้อยู่ที่การมีเงินมีทองมหาศาล การไม่มีโรคร้ายคุกคามต่างหากที่เป็นลาภอันประเสริฐ เพราะโรคร้ายบางโรคถึงมีเงินก็ไม่อาจรักษาให้หายขาดได้ การไม่มีโรคน่าจะเป็นความสุขของการมีชีวิต "การเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ" หรือ "เซ็กซ์เสื่อม" ก็ถือเป็นอาการป่วยอย่างหนึ่ง ที่เอาความสุขไปจากชีวิตท่านได้เช่นกัน แน่นอนว่าอาการเซ็กซ์เสื่อม ไม่ได้เป็นโรคติดต่อ หรือมีความร้ายแรง ขนาดที่จะคร่าชีวิตใครต่อใครได้ แต่ก็เป็นโรคที่สร้างความทุกข์ทรมาน ให้กับคุณผู้ชายได้ไม่น้อยทีเดียว และหากผู้ที่ต้องตกอยู่ในที่นั่งเช่นนี้ ยังหนุ่มยังแน่นด้วยแล้วก็คงทำให้ชีวิตเหี่ยวเฉาน่าดู

จะว่าไปแล้ว การมีเซ็กซ์มีความสำคัญเช่นกัน เพราะ ในขณะที่มีเซ็กซ์ร่างกายจะมีการหลั่งสารแอนโดฟิน (สารที่สร้างความสุขและความกระปรี้กระเปร่า) ออกมาด้วย การมีเซ็กซ์จึงเปรียบเสมือนกับเป็นการยืดอายุให้กับชีวิตอีกทางหนึ่ง อย่าปล่อยให้ชีวิตอับเฉาไปกับอาการเซ็กซ์เสื่อม หาวิธีรักษาเสียแต่เนิ่นๆ "โภชนาบำบัด" นับเป็นวิถีธรรมชาติที่บำบัดรักษา โรคร้ายได้หลากหลาย โดยจะสังเกตเห็นได้ว่า ปัจจุบันได้มีการนำ วิธีการรักษาด้วยสมุนไพรโบราณ ยาลูกกลอน หรือชีวจิต มาใช้กับการรักษาโรคร้ายอย่างเอดส์และมะเร็ง ที่แพทย์แผนปัจจุบัน ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้

สำรับโภชนาบำบัดทางเพศนั้นต้องยกให้ "โสม" เพราะโสมได้ชื่อว่า เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณในกระตุ้นอวัยวะเพศ ที่ไม่ยอมแข็งตัวของคุณผู้ชายสามารถกลับฟื้นขึ้นมา แข็งตัวได้ดังเดิมได้ เพราะด้วยสรรพคุณที่โสม มีฤทธิ์อุ่นนั้น ได้เป็นตัวกระตุ้นให้เลือดในร่างกายไหลเวียน ไปเลี้ยงอวัยวะตามส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ดีขึ้น รวมทั้ง การไหลเวียนของเลือดบริเวณอวัยวะเพศด้วย

            นอกจากนี้ยังมีการวิจัยเพิ่มเติมในระยะหลังๆ พบว่า องค์ประกอบบางอย่างในโสมมีโครงสร้างคล้ายฮอร์โมนเพศชาย ที่เรียกว่า "ไฟโตรแอนโดรเจน" ซึ่งน่าจะเป็นอีกคุณสมบัติหนึ่งของโสม ในการเข้าไป เพิ่มฮอร์โมนเพศให้กับผู้ชาย

        ทั้งนี้การฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศ ก็ยังต้องตั้งอยู่บนพื้นฐาน ของการมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ ดังนั้นแนวทางในการปฏิบัติตน เพื่อให้มีสุขภาพที่ดี เช่น การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ การพักผ่อนอย่างเพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จึงนับเป็นสิ่งจำเป็นที่ท่านไม่ควรละเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การออกกำลังกายนั้น ถือได้ว่า เป็นองค์ประกอบสำคัญ ที่จะเป็นตัวช่วยในการกระตุ้นฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศได้เร็วขึ้น เพราะ การออกกำลังกายนั้นนอกจากจะช่วยกระชับกล้ามเนื้อ ช่วยให้การสูบฉีดเลือดได้ดีแล้ว ขณะที่ออกกำลังกายร่างกาย ก็ยังมีการหลั่งสารแอนโดฟิน เช่นเดียวกับสารที่หลั่งออกมา ขณะมีเพศสัมพันธ์

ที่สำคัญคือ การฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศด้วยวิถีธรรมชาติทางโภชนาบำบัด นอกจากจะเป็นวิธีการรักษาที่ได้ผลแล้ว ยังไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย  
 

 
     
 
 

ระชายดำ 
 
 

        กระชายดำมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Kaempferia parviflora Wall. Ex Baker อยู่ในวงศ์  Zingiberaceae ซึ่งจะอยู่วงศ์เดียวกันกับขมิ้นชันและว่านชักมดลูก ใช้ เหง้า หรือ หัว เป็นยา

สรรพคุณทางยาของกระชายดำ

         ช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ กระตุ้นระบบประสาท แก้ปวดเมื่อย ขับปัสสาวะ ขับลม รักษาสมดุลความดันโลหิต ขยายหลอดเลือดหัวใจ โรคเก๊าต์ โรคกระเพาะอาหาร รักษาระบบการย่อยอาหารให้เกิดสมดุลย์ โรคบิด โรคเบาหวาน ลดน้ำตาลในเลือด โรคหัวใจ สำหรับสุภาพสตรีทานแล้ว จะช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนทางเพศ ทำให้โลหิตไหลเวียนดีขึ้น ผิวพรรณผุดผ่องสดใส แก้อาการตกขาว ประจำเดือนมาไม่ปกติ

สารสำคัญที่พบในการะชายดำ

        สารที่พบในเหง้ากระชาย ได้แก่ borneol, sylvestrene ซึ่งแสดงฤทธิ์ต้านจุลชีพ และสาร 5,7 –ไดเมธอกซีฟลาโวน (5,7- dimethoxyflavone = 5,7 DMF) ซึ่งแสดงฤทธิ์ต้านอักเสบ นอกจากนี้ รายงานการวิจัยของมหาวิทยาลัยขอนแก่นปี 2547 พบสารพวกฟลาโวนอยด์ 9 ชนิด เช่น สาร 5,7,4’-trimethoxyflavone, 5,7,3’,4’-tetramethoxyflavone , 3,5,7,4’ –tetramethoxyflavone เป็นต้น

จากการศึกษาพบว่า กระชายดำมีฤทธิ์ทางยาที่สำคัญพอสรุปได้ดังนี้

1. ฤทธิ์ต้านอักเสบ
 

        สาร 5,7 –ไดเมธอกซีฟลาโวน (5,7-DMF) ที่แยกได้จากเหง้ากระชายดำ มีฤทธิ์ต้านการอักเสบเทียบได้กับยามาตรฐานหลายชนิด คือ แอสไพริน , อินโดเมธาซิน, ไฮโดรคอร์ติโซน และเพรดนิโซโลน จากการศึกษาฤทธิ์ต้านอักเสบของสารนี้ในสัตว์ทดลองด้วยวิธีการต่าง ๆ พบว่าสาร 5,7-DMF สามารถต้านการอักเสบแบบเฉียบพลันได้ดีกว่าแบบเรื้อรัง โดยแสดงฤทธิ์ยับยั้งการบวมของอุ้งเท้าหนูขาวจากสารคาราจีนแนนและเคโอลินได้ดีกว่าฤทธิ์ยับยั้งการสร้าง granuloma จากการฝังสำลีใต้ผิวหนัง นอกจากนี้ พบว่า สาร 5,7-DMF มีฤทธิ์ยับยั้งการเกิด exudation และการสร้างสาร prostaglandin อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อศึกษาฤทธิ์ต้านการอักเสบในช่องปอดของหนูขาว (rat pleurisy)

 
2. ฤทธิ์ต้านเชื้อจุลินทรีย์
 

        สาร 5,7,4’-trimethoxyflavone และ 5,7,3’,4’ –tetramethoxyflavone แสดงฤทธิ์ต้านเชื้อ Plasmodium falciparum ที่เป็นสาเหตุของโรคมาลาเรีย ส่วนสาร 3,5,7,4’-tetramethoxyflavone และ 5,7,4’-trimethoxyflavone แสดงฤทธิ์ต้านเชื้อ Candida albicans และแสดงฤทธิ์ต้านเชื้อ Mycobacterium อย่างอ่อน

 
3. ฤทธิ์ขยายหลอดเลือดแดง
 

     มีรายงานการวิจัยว่า สารสกัดด้วยเอธานอลของกระชายดำมีฤทธิ์ขยายหลอดเลือดแดงใหญ่ (aorta)ละลดการหดเกร็งของลำไส้เล็กส่วนปลาย (ileum) ของหนูขาว และยับยั้งการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือดของคน

 

กระชายดำกับข้อมูลทางเพศ

     ตามตำรับยาแผนโบราณ หรือตำราว่าน 108 ถือว่ากระชายดำเป็นยาอายุวัฒนะชั้นหนึ่ง ตำรับยาเกือบทุกชนิดมักจะมีว่านกระชายดำเป็นส่วนประกอบอยู่เสมอ โดยสรรพคุณเฉพาะของกระชายดำเองแล้ว จะใช้เป็นยาบำรุงหัวใจ บำรุงกำลัง เป็นยาเจริญอาหารและบำรุงธาตุ แก้ใจสั่นหวิว แก้ลมวิงเวียน แน่นหน้าอก แก้แผลในปาก แก้ฝีอักเสบ แก้กลากเกลื้อน ขับปัสสาวะพิการ แก้บิดมูกเลือด แก้ปวดมวนในท้อง ท้องเดิน แก้ซางตานขโมยในเด็กในตำรายาโบราณบางฉบับมีการบันทึกถึงการนำกระชายดำไปใช้เป็นยาสมุนไพร ในหลายตำรับ  ดังเช่นคัมภีร์ยา  “นพเก้า” ที่กล่าวกันว่าเป็นสุดยอดของตำรายาสมุนไพร ซึ่งมีตัวยาทั้งหมด 9 ชนิดและกระชายดำก็เป็นหนึ่งในเก้าชนิดนั้น

วิธีการใช้ประโยชน์
             
การนำกระชายดำมาใช้ประโยชน์สามารถทำได้หลาย ๆ วิธี เช่นทำเป็นยาลูกกลอนโดยให้เอาหัวกระชายดำที่แก่จัดนำมาซอยเป็นแว่น ๆ ตากให้แห้งแล้วนำมาบดให้ละเอียดผสมกับน้ำผึ้งแท้ปั้นกินเช้าเย็น หรือดองกับเหล้าขาวดื่มกินส่วนที่เป็นน้ำ  หรือจะกินหัวสด ๆ ทุกวัน เป็นกิจวัตรจะเป็นยาอายุวัฒนะ  ปัจจุบัน อย. อนุญาตให้ทำเป็นน้ำโดยวิธีการหมัก เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดน้ำ

            นอกจากนั้น กระชายดำยังมีสรรพคุณช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศได้ดี (แก้องคชาติตายหรือกามตายด้าน) โดยใช้หัวกระชายดำสดที่แก่นำมาดองกับสุราขาวและน้ำผึ้งแท้ ในอัตราส่วน กระชายดำ 1 กก./สุราขาว 3 ขวด/น้ำผึ้งแท้ 1 ขวด ดองทิ้งไว้ประมาณ 9-15 วัน (3 วันเป็นเหล้า 9 วันเป็นยา) ดื่มวันละ 1-2 เป๊ก จะทำให้ร่างกายกระชุ่มกระชวย ช่วยลดอาการกามตายด้านและบำรุงกำหนัด ทำให้ทั้งหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่หรือหนุ่มที่องคชาติตายหรือกามตายด้านได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งในราคาประหยัดและปลอดภัย โดยไม่ต้องพึ่งยาไวอะกร้าของต่างชาติให้เสียดุลการค้าและเสี่ยงกับการเป็นข่าวหน้าหนึ่งเนื่องจากเป็นโรคหัวใจตายคาอกเพราะพิษข้างเคียงของไวอะกร้าแต่ประการใด

ระชายดำกับกามตายด้าน
           
เป็นที่แน่นอนแล้วว่า ผู้ชายไทยส่วนมาก ร้อยละ 80 ล้วนประสบกับปัญหาทางเพศ ไม่ว่าจะเป็นกามตายด้าน องคชาติตาย นกเขาไม่ขัน กระสุนหมด อาการหลั่งเร็ว หรือที่เรียกรวม ๆ ว่า สมรรถภาพทางเพศเสื่อม ทำให้ไม่มีความสุขในกามกิจ เกิดอารมย์หงุดหงิด คิดมาก เครียด พลอยให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาหลายประการ เราต้องยอมรับว่าปัญหาสมรรถภาพทางเพศเสื่อมมีผลต่อบุรุษเพศและครอบครัวไม่น้อย บางครั้งทำให้เกิดการหย่าร้างทำให้ครอบครัวแตกแยกก็มี จากการศึกษาวิจัยของแพทย์พบว่าอาการสมรรถภาพทางเพศเสื่อมพบว่ามีสาเหตุหลายประการ เช่นเกิดจากโรคประจำตัว ความเครียด ดื่มเหล้าจัด สูบบุหรี่จัด ฯลฯ ไม่ว่าการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศจะเกิดจากสาเหตุใดก็ตาม ทางวงการแพทย์แผนปัจจุบัน ก็พยายามที่จะคิดค้นหาตัวยาต่าง ๆ มาบำบัดรักษาอาการดังกล่าว และที่เป็นข่าวเกรียวกราวมาแล้วในสื่อต่าง ๆ ก็ได้แก่ยา “ไวอะกร้า” ซึ่งเป็นยาที่ผลิตในต่างประเทศ ซึ่งมีราคาค่อนข้างสูง และอาจมีผลข้างเคียงแก่ร่างกายได้ ซึ่งปี ๆ หนึ่งประเทศไทยต้องนำเข้ายาไวอะกร้าเป็นจำนวนมากทำให้เสียเงินตรามากมาย และที่กำลังเป็นที่สนใจของชายไทยทั้งหลายที่ประสบกับปัญหาสมรรถภาพทางเพศเสื่อมก็คือ “กระชายดำ” ซึ่งเป็นสมุนไพรไทยตัวหนึ่งที่น่าทึ่งเป็นยิ่งนัก อีกทั้งยังไม่มีอันตรายแก่ตัวเรา 

ประสบการณ์จริงจาการใช้กระชายดำ
        
จากการศึกษา ค้นคว้า และทดลองจากประสบการณ์ของผู้เขียนเอง เพื่อทดสอบสรรพคุณของกระชายดำ ทั้งจากการค้นคว้าเอกสารและเหยื่อบางรายที่พลัดหลงเข้ามา ผลจากการสอบถามจากเหยื่อที่เต็มใจให้ทดลองพบว่า กระชายดำให้ผลดีเป็นอย่างยิ่ง สามารถเตะปี๊บได้วันละหลายใบ ไม่ว่าหนุ่มใหญ่วัยฉกรรจ์หรือวัยเอ๊าะ เมื่อได้มาพิจารณาถึงส่วนประกอบของสูตรของ “ดอนฮวน” ตามประสาชาวบ้านแล้วไซร้ จะเห็นว่าแต่ละส่วนนั้นนำมาซึ่งความกระชุ่มกระชวยเป็นอย่างยิ่ง เพราะน้ำผึ้งเป็นส่วนผสมที่ใช้รักษาความสดคงทน (ตัดหัวข้าศึกแช่น้ำผึ้ง จะไม่เน่าเปื่อย) สุราขาวหรือเหล้าโรงช่วยสร้างความกระชุ่มกระชวย คึกคัก สนุกสนาน เมื่อผสมกับกระชายดำที่จุดกระแสความคิดให้นำกระชุ่มกระชวยและความสดคงทนไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตการครองเรือน ก็น่าจะหวังไว้ว่าสูตรนี้ก็ไม่เป็นสองรองใครเช่นกัน

 

 
 
 
 
ข้อมูลผลมะเม่า
 
 
 

เป็พืชที่รสชาติคล้ายองุ่นมาก  มีกลิ่นที่หอมเฉพาะตัว เป็นไม้ยืนต้นออกลูกราวเดือน ส.ค-ก.ย

ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์   เม่า เป็นพืชในตระกูล Antidesma ที่พบกระจายอยู่ในหลายพื้นที่ ในหลายทวีป และด้วยคุณค่าของพืชในตระกูลนี้ทำให้ชนพื้นถิ่นในแต่ละพื้นที่มีการใช้ประโยชน์จากพืชตระกูลนี้ในหลากหลายรูปแบบด้วยกัน

         การบริโภคเม่าเป็นอาหารได้ปฏิบัติกันมานานในหลายประเทศ โดยส่วนใหญ่จะบริโภคผลสด ในประเทศไทย อินเดีย และอินโดนีเซีย มีการบริโภคใบ และยอดของพืชในกลุ่ม Antidesma ทั้งรับประทานผลสดหรือผสมอาหารเพื่อให้มีรสเปรี้ยว (Hoffman, 2005) โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยนิยมรับประทานผลสด

 
        โดยการนำมาปรุงรสคล้ายกับส้มตำที่เรียกว่า ตำหมากเม่า หรือใช้เปลือกต้นหรือใบมาโขลกรวมกับพริกสด และน้ำปลาร้า เรียกว่าตำเมี่ยง นิยมรับประทานในฤดูร้อนโดยรสฝาดจากเปลือกต้นและใบ จะช่วยลดอาการท้องเสียได้ จะเห็นได้ว่านอกจากจะให้ประโยชน์ในด้านการเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงแล้ว พืชในกลุ่ม Antidesma ยังมีคุณค่าทางเภสัชอีกด้วย

         ที่หมู่เกาะ Mauritius (Narod et al., 2004) ใช้ใบของ Antidesma เพื่อรักษาอาการเป็นไข้ ปวดศีรษะ และอาการคลื่นไส้ ในประเทศกัมพูชา ใช้เปลือกต้นผสมกับยาสูบรักษาบาดแผลของสัตว์เลี้ยง และใช้เปลือกไม้ของ Antidesma ร่วมกับเปลือกไม้ชนิดอื่นๆ ต้มดื่มแก้อาการท้องเสีย ยอดอ่อนต้มกับรากมะละกอใช้แก้ปัญหารอบเดือน ใบใช้ขยี้ใส่ศีรษะเด็กแรกเกิด

มีการศึกษาทดลองเกี่ยวกับสรรพคุณทางเภสัชหลายประการ ดังนี้

          Bringmann et.al., (2002) รายงานว่า จากการเพาะเลี้ยงเซลล์และสกัดสารออกฤทธิ์ของ Antidesma membranaceum พบว่ามีสาร isoquinoline alkaloid ที่เรียกว่า Antidesmone ซึ่งมีสรรพคุณในการยับยั้ง Trypanosoma cruzi ซึ่งเป็นพาหะของ Chagas desease เป็นโรคพยาธิที่ก่อให้เกิดการอักเสบของอวัยวะ หากรุนแรงทำให้ตายได้ พบในแถบทวีปอเมริกา

         Narod et.al., (2004) ได้ศึกษาสารสกัดจาก Antidesma madagascariense Lam ซึ่งใช้เป็นยาพื้นบ้านสำหรับระบบทางเดินอาหาร และโรคเบาหวานใน Mauritius

         พบว่าสารสกัดจากพืชดังกล่าว มีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียทั้งที่เป็น Gram positive และ Gram negative ซึ่งจะทำให้สามารถรักษาอาการโรคในระบบทางเดินอาหารได้

         Mahomoodally (2006) ทดสอบผลของสารสกัดจากใบของ Antidesma madagascariense ที่มีต่อการลำเลียงของ D-glucose ในทางเดินอาหารของหนูพบว่า ในสารสกัดจากใบพืชดังกล่าวมีสารออกฤทธิ์คือ flavonoids alkaloidsleucoanthocyanins phenols และ saponins ซึ่งช่วยในการลำเลียง glucose ในระบบทางเดินอาหารของหนูอันจะมีผลต่อการลดปริมาณน้ำตาลในเลือดได้ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีปริมาณน้ำตาลในเลือดสูงเนื่องจากมีความผิดปกติของปริมาณ insulin


        
ในประเทศไต้หวันได้มีการศึกษาสารสกัดจากพืชสมุนไพรจีน 100 ชนิด พบว่าสารสกัดจาก Antidesma pentradum var. barbartum ซึ่งเป็นสาร alkaloid ที่มีผลึกเป็นรูปปริซึมสีเหลืองที่มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อ Tricomonas vaginalis ได้ดีที่สุด

Yoshida et.al., ได้ค้นพบ tannin ชนิดใหม่ใน Antidesma pentandrum MERR, var. barbatum MERR.

Boyom et.al.,(2003) ได้ทดลองสกัดสารหอมระเหยจากใบของ Antidesma laciniatum

         vuell.Arg.Var.lanciniatum ที่เก็บตัวอย่างในประเทศแคเมอรูน พบว่า มีส่วนประกอบของ ester derivatives ซึ่งให้กลิ่นหอมหวาน ส่วนในประเทศไทย นอกจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตสกลนคร ที่ได้ศึกษาความหลากหลายทางพันธุกรรม และพัฒนาผลิตภัณฑ์จากเม่าอย่างต่อเนื่องตลอดมา ก็มีงานวิจัยจากหน่วยงานอื่นๆ เช่น อุษาณี ขวัญสังข์ ได้ศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของสารสกัดสมุนไพรมะเม่า (Antidesma acidum)
ในหนูขาว หนูถีบจักร ในสภาพปกติ และต่ออวัยวะที่แยกออกจากกายหนูขาว หนูตะเภา

          ประกอบด้วยฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง ระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบหายใจ ระบบโลหิต และระบบทางเดินอาหาร เมื่อป้อนสารสกัดสมุนไพรมะเม่าที่ความเข้มข้นต่างๆ กันพบว่า ฤทธิ์ทั่วไปทางเภสัชวิทยาของสารสกัดสมุนไพรมะเม่า ได้แก่ การเพิ่มจำนวนของ WBC ลดการบีบตัวของลำไส้เล็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งลดการหดตัวของลำไส้เล็ก ส่วน ileum ของหนูขาว

           สารสกัดสมุนไพรมะเม่าไม่มีผลต่อหัวใจ หลอดเลือด หลอดลม อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถอธิบายกลไกการออกฤทธิ์ของผลที่ได้จากการศึกษาครั้งนี้ จำเป็นต้องทำการศึกษาต่อไป

         กัมมาลและคณะ (2546) ศึกษาฤทธิ์ต้านเชื้อ HIV เชื้อรา เชื้อแบคทีเรียของสมุนไพรไทย 5 ชนิด คือ มะเม่า ฟ้าทลายโจร หญ้าแห้วหมู ผักเป็ดแดง และสายน้ำผึ้งพบว่า มะเม่า สายน้ำผึ้ง และหญ้าแห้วหมู มีศักยภาพในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันและมีฤทธิ์ต้านเชื้อ HIV ได้


         
สมานและสำรี (2549) ศึกษาการออกฤทธิ์ของสารโพลีฟีนอลในไวน์แดงสยามมัวส์ต่ออะพอสโตซีสของเซลล์มะเร็งเต้านมชนิด MDA-MB- 435 ที่ปลูกถ่ายในหนูเปลือยที่ตัดต่อมไทมัส : ตรวจผลโดยการสร้างภาพเคมีและฮีทโตเคมี โดยใช้สารประกอบโพลีฟีนอลที่สกัดจากไวน์แดงสยามมัวส์ (SRPE) และไม้มะเม่า (MPE)

          อัตราส่วน 1 ต่อ 1 พบว่า สารโพลีฟีนอลแสดงผลยับยั้งการเจริญเติบโตในเซลล์มะเร็งทั้ง 5 ชนิด ได้แก่ มะเร็งเต้านม ชนิด MDA-MB-435 มะเร็งเม็ดเลือดแดงตัวอ่อนชนิดที่ไว (K5620) และดื้อต่อยา (K562/adr) มะเร็งปอดชนิดเล็กที่ไว (GLC4) สอดคล้องกันทั้งระดับเซลล์และในระดับสัตว์ทดลองที่แสดงให้เห็นว่าสารประกอบโพลีฟีนอลที่สกัดจากไวน์แดงสยามมัวส์ ไม้มะเม่า และจากสารสกัดผสมจากไวน์แดงสยามมัวส์ และไม้มะเม่าไม่จัดเป็นสารพิษ และมีผลข้างเคียงน้อยมาก

          จึงมีความเป็นไปได้อย่างยิ่งที่จะพัฒนาสารโพลีฟีนอลดังกล่าวเป็นสารอาหารที่ใช้ในการป้องกันและรักษามะเร็งในระดับคลีนิคต่อไป

          นอกจากนี้ ยังพบการโฆษณาอาหารเสริม ชื่อ Lovepuppies ของ บริษัท AKITA HERBAL PRODUCTS ซึ่งมีเม่า (Antidesma bunius) ร่วมกับพืชอีก 5 ชนิด โดยกล่าวอ้างสรรพคุณในการลดความดันโลหิต ลด cholesterol เพิ่ม testosterone ซึ่งมีส่วนในการเสริมพลังทางเพศในเพศชายด้วย และมีการโฆษณาเครื่องดื่มน้ำผลไม้ที่มีเม่าเป็นส่วนผสมร่วมกับมังคุดและผลไม้อื่นอีก 2-3 ชนิด โดย DeserveTheBesNnaturaly.com จำหน่ายในราคาสูงอีกด้วย


          
จะเห็นได้ว่าพืชในกลุ่ม Antidesma ที่มีความหลากหลายทางพันธุกรรมมีประโยชน์หลากหลาย เช่นกัน คือมีคุณค่าทั้งทางด้านโภชนะและเภสัช และได้รับความสนใจจากนักวิจัยทั้งในและต่างประเทศ จากการสำรวจรวบรวมพันธุกรรมเม่าหลวงที่สถาบันวิจัยและฝึกอบรมการเกษตรสกลนคร ได้ร่วมกับนักวิจัยท้องถิ่นที่ได้คัดเลือกและปลูกเม่าหลวงและส่งเม่าหลวงเข้าประกวด ในงานเทศกาลหมากเม่าสกลนคร ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร ร่วมกับหน่วยงานของภาครัฐและภาคเอกชนในจังหวัดสกลนคร พร้อมด้วยกลุ่มผู้ปลูกเม่า และผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์จากเม่า จัดติดต่อกันมาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2545 ทำให้ได้ทราบถึงความแตกต่างและความหลากหลายของพันธุกรรมเม่า ในพื้นที่แถบเทือกเขาภูพาน ทำให้ทราบว่าแถบเทือกเขาภูพานโดยเฉพาะในเขตจังหวัดสกลนครนี้เป็นแหล่งพันธุกรรมอันอุดมสมบูรณ์ของพืชใน genus Antidesma ดังนั้นการศึกษาความหลากหลายทางพันธุกรรมเม่า และการพัฒนามาตรฐานคุณภาพผลิตภัณฑ์จึงเป็นความจำเป็นเร่งด่วนสำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์เม่า เพื่อให้ประเทศไทยเรามีผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพจากความหลากหลายของทรัพยากรพันธุ์พืชที่เป็นทรัพยากรล้ำค่าของไทย โดยไม่ต้องพึ่งพาการนำเข้าผลิตภัณฑ์ต่างชาติ อีกต่อไป

          ในการดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับการสนับสนุนทั้งทางด้านงบประมาณ และความร่วมมือร่วมใจระหว่างนักวิชาการ องค์กรภาครัฐและเอกชน เพื่อพัฒนาให้อุตสาหกรรมเม่ามีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน รวมถึงการอนุรักษ์และพัฒนาสายพันธุ์เม่าให้เป็นพืชเอกลักษณ์อันทรงคุณค่าของจังหวัดสกลนคร และเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทยต่อไป

เอกสารอ้างอิง

กัมมาล กุมาร ปาวา สมบูรณ์ เกียรตินันท์ โสภิดา ธรรมตรี สุดา ลุยศิริโรจนกุล อังคณา ฉายประเสริฐ และกรกนก อังคนันท์. 2546 การศึกษาฤทธิ์ต้านเชื้อ HIV เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย ของสมุนไพรมะเม่า และพืชสมุนไพรไทย 4 ชนิด : การศึกษาสมุนไพรไทยในการรักษาโรคเอดส์เพื่อพัฒนาเป็นยาอุตสาหกรรม. รายงานวิจัยเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ สภาวิจัยแห่งชาติ. กรุงเทพฯ. 132 น.

วิภพ สุทธนะ สมาน เดชสุภา ไพบูลย์ เรืองพัฒนาพงศ์ มนตรี ตั้งใจ วินิจ ช้อยประเสริฐ วรวรรณ ปรารมภ์สมพงษ์ ศรีบุรี สุชาติ โกทันย์ และสำรี

มั่นเขตต์กรน์. 2549. การแยกบริสุทธิ์สารโพลีฟีนอลในไวน์แดงสยามมัวส์และศึกษาประสิทธิภาพการออกฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตและการชักนำการตายแบบอาปอปโตซิสในเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดแดงและมะเร็งปอด ชนิดเซลล์เล็ก

F. Boyom Fekam E. Assembe Zambo P.H. Zollo Amvam H. Agnaniet C.Menut J.M. Bessiere Aromatic plants of tropical central Africa. Part XLII . Volatile

components from Antidesma laciniatum Muell. Arg. var. laciniatum growing in Cameroon,2002.

Mahomoodally,2006 MF Stimulatory effects of Antidesma madagascariense on D-glucose, L- tyrosine,fluid and electrolyte
transport across rat everted intestine,

comparable to insulin action in vitro. British Jurnal of Biomedical Science
.

แหล่งข้อมูล   เทคโนโลยีการเกษตร  วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2550 ปีที่ 19 ฉบับที่ 415
สุดารัตน์ สกุลคู มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร
เม่า...ไม้ผลที่นานาชาติตระหนักในคุณค่า

 
 
 
 

      ริษัท เฟรช แอนด์ ไชน์ ป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายโสมเกาหลีระชายดำผสมะเม่า เป็นรายแรกของเมืองไทย สนใจติดต่อสั่งซื้อได้ที่ ตัวแทนจำหน่าย หรือ ที่บริษัทฯ  โทร. 02 – 9107072 – 4  เวลา 9.30 น. – 18.00 น.  ตั้งแต่วันจันทร์ - เสาร์

 
 
 
 

สั่งซื้อสินค้า

 
     
 

ขอคำปรึกษา 096-890-3983